Wednesday, 5 February 2025

นักวิชาการา ชี้ เหตุระเบิดป่วนเมือง ส่งผลกระทบหลายด้าน

ยะลา -นักวิชาการา ชี้ เหตุระเบิดป่วนเมือง ส่งผลกระทบหลายด้าน คนทำมาหากิน เทศกาลตรุษจีน ชาวบ้านไม่มั่นใจในความปลอดภัย วอนทุกส่วนเร่งแก้ปัญหา

จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา (เทพา จะนะ สะบ้าย้อย นาทวี) ในช่วงปี 2564 เหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ลดลง ผ่านไปถึงในช่วงต้อนรับปีใหม่ 2565 กลุ่มคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนลอบวางระเบิดคืนเคานต์ดาวน์ ทำให้ไฟฟ้าดับ-เสาล้มขวางถนน หลายจุด ในพื้นที่ อ.เมืองยะลา และ อ.บันนังสตา จ.ยะลา แต่ยังโชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ส่งผลทำให้พี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง จนถึงกลางดึกของวันที่ 21 ม.ค.65 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนลอบวางระเบิดบริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟยะลา ภายในเขตเทศบาลนครยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่คาดว่าคนร้ายก่อเหตุปั่นป่วนเพื่อสร้างสถานการณ์ในพื้นที่

ล่าสุด เมื่อกลางดึกของวันที่ 28 ม.ค.65 ไปจนถึงวันที่ 30 ม.ค.65 ก็ยังมีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบกลุ่มและจำนวนก่อเหตุลอบวางระเบิดปั่นป่วนภายในเขตเทศบาลนครยะลา และชานเมืองยะลา อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ซึ่งคนร้ายได้ก่อเหตุป่วนกว่า 20 จุด ทำให้ พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ออกมาเผยถึงข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายจุดในพื้นที่ อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ซึ่งคนร้ายก่อเหตุในครั้งนี้ มีความเชื่อมโยงจากเหตุปะทะในพื้นที่ จ.นราธิวาส นอกจากนั้น จากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุลอบวางระเบิดสวมชุด ไรเดอร์ พนักงานส่งอาหาร นำระเบิดชนิดแสวงเครื่องมาซุกซ่อนก่อนที่จะระเบิดใจกลางเมืองยะลา ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายกำลังตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อนำตัวกลุ่มคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป

ทางด้าน นักวิชาการในพื้นที่ ดร.ตายูดิน อุสมาน อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา มองในเรื่องดังกล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ไม่ว่าจะลอบวางระเบิดในสถานที่ต่างๆ ซึ่งมันสามารถเชื่อมโยงกับ การพูดคุยสันติภาพ บางส่วนเล็กน้อย ซึ่งอาจจะมีบางพวกไม่ต้องการให้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้สงบลง และประเด็นหลักที่ทำให้เกิดอย่างนั้นก็ คือ การเสียชีวิตกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ปะทะกับคนร้ายในพื้นที่ จ.นราธิวาส อันนี้เป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้ฝ่ายเห็นต่าง หรือขบวนการ ถึงมีวิธีการง่ายๆ คือการเอาคืนหรือว่าการบอกเตือน โดยใช้วิธีใช้ระเบิดเล็กๆ วางตามสถานที่ต่างๆ ไม่ได้เน้นในที่สถานที่ที่มีคนเยอะ แต่ไม่อยากให้เกิดการเสียชีวิตผู้ที่อ่อนแอหรือว่ากลุ่มเปราะบางต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะสังเกตได้ว่าการวางระเบิดแต่ละจุดแต่ละที่ในยะลาจะไม่มีผู้เสียชีวิตแต่อย่างใด นั่นคือมีการพัฒนาการหรือมีการคิดว่า การสร้างสถานการณ์คือการตั้งแบบเบาๆ แต่ให้รัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นคนคิดหรือหาทางออกตามที่ต่อไป และก็เป็นการบ่งบอกให้เห็นถึงการต่อสู้ในกรณีที่ คนที่รุ่นพี่ในกระบวนการของเขาได้เสียชีวิตถูกจากวิสามัญ ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ก็เลยเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมา

ส่วนกรณีที่มีคนร้ายแต่งตัวคล้ายพนักงานส่งอาหารไปวางระเบิดกระจายพื้นที่ อ.เมืองยะลา ที่ทำให้เจ้าหน้าที่เพ่งเล็งกับกลุ่มเหล่านี้มากขึ้น มันก็แน่นอนอยู่แล้ว ที่ต้องมีผลกระทบกับคนที่ทำงานไรเดอร์ อย่างพวกที่ส่งอาหารต่างๆ เพราะว่าความเชื่อถือหรือการยอมรับจากชาวบ้าน ลูกค้า กับคนสั่งอาหารต่างๆ อาจจะลดน้อยลง วิธีการซื้อเลือกซื้ออะไรก็จะทำง่าย ก็พยายามเอามาตรการยังไงที่สามารถไปวางระเบิดโดยที่ไม่ต้องมีคนสงสัยไป-มาไม่มีใครดู เพราะว่านี้คือคนสั่งอาหาร และก็ทำให้เกิดแรงระเบิดขึ้นมาแต่ผลเสียหรือผลที่กระทบที่ได้ ก็คือคนที่ทำมาหากินถูกต้อง ที่ออกมารับจ้างรับส่งอาหารต่างๆ และสมัยนี้เน้นความต้องการความสะดวกสบาย โดยการสั่งอาหารและมีคนไปส่ง เพราะว่าคนเราสมัยนี้ไม่อยากออกไปไหน คนบางกลุ่มกลัวโรคไวรัสโควิด-19 และหาคนรับส่งไรเดอร์เพิ่มมากขึ้น และเพราะเป็นอย่างนี้ก็อาจมีผลกระทบบ้างมีผลกระทบแน่นอน

ในส่วนในช่วงเทศกาลตรุษจีน ก็เป็นช่วงของการท่องเที่ยวลูกหลานคนจีนไปเที่ยวไปเยี่ยมญาติพี่น้องและก็ช่วงนี้มีการใช้เงินสารพัด เงินหมุนเวียนในพื้นที่ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นแบบนี้ คนจีนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ อาจจะไม่ไปเที่ยวไหน ไม่สนุก หรืออาจจะข้ามไปเที่ยวที่อื่น หรือคนจีนที่อื่นอาจจะไม่กล้าเข้ามาในพื้นที่ 3 จังหวัด นี่คือผลกระทบที่สร้างสถานการณ์ในช่วงของใกล้ตรุษจีน สุดท้ายนี้ตนเองก็อยากจะให้ทางเจ้าหน้าภาครัฐหรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานด้านความมั่นคงในพื้นที่แห่งนี้ก็ต้องใช้ความอดทน ต้องใช้ความคิดการประสานงานการแจ้งข่าวสารหรือเบาะแสต่างๆ ต้องให้ดีครอบคลุมให้รอบคอบกว่านี้และสถานการณ์ในช่วงนี้ก็มีการปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ ก็ถือว่ามีการเปลี่ยนทางช่องว่าง และอย่าให้มีช่องว่างให้มาก เมื่อมีช่องว่างทำให้ผู้เห็นต่างจะรู้จังหวะช่องว่าง ก็เลยสร้างสถานการณ์ขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นอย่าให้มีช่องว่างในช่วงนี้ ทำงานให้เต็มที่ ขอให้ทุกภาคส่วนภาคประชาสังคมก็เช่นเดียวกัน รวมทั้งพี่น้องประชาชนก็เหมือนกันก็ต้องช่วยกันดูแลช่วยกันดูสถานการณ์ว่าเป็นยังไง

 

—————————