ปัจจุบันการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก ทั้งกลุ่มผู้ใหญ่วัยทำงานรวมไปถึงกลุ่มเด็กเยาวชนคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา น้ำตก ทะเลหมอก ส่วนหนึ่งมาจาก สถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากในห้วงสองปีที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนงดการเที่ยวห้าง หรือสถานที่ ที่มีผู้คนหนาแน่น หาแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ อากาศที่บริสุทธิ์
สำหรับ จ.ยะลา ต.โกตาบารู อ.รามัน เป็นพื้นที่อีกแห่งหนึ่งที่น่าจับตา ซึ่งที่นี่จะเป็นจุดเด่นหลายอย่าง ตั้งแต่การเป็นเมืองโกตาบารู ที่เก่าแก่มีประวัติมากมาย ชุมชนพหุวัฒนธรรม ภูมิปัญญาอาหารพื้นถิ่น และอีกมากมาย รวมไปถึง สภาพพื้นที่ภูเขาป่าธรรมชาติที่ยังสมบูรณ์ ทำให้การท่องเที่ยวอย่างจุดชมวิวทะเลหมอกเขาโต๊ะนิ กำลังเป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบเป็นอย่างมาก
โดยจะมีประชาชน แวะเวียนขึ้นไปตั้งแคมป์ เพื่อรอชมหมอกในช่วงเช้าและพระอาทิตย์ตกในช่วงค่ำอยู่บ่อยครั้ง หลายคนที่มาจากทั้งในพื้นที่ จ.ยะลา และพื้นที่ใกล้เคียง ที่ได้ขึ้นมาตั้งเต้นท์พักแรมค้างคืน ต่างก็ได้สัมผัสกับความสวยงามของทะเลหมอก ดูพระอาทิตย์ขึ้น และตก วิวภูเขาที่โอบล้อมด้วยผืนป่า เห็นเมืองแสงระยิบระยับยามค่ำคืน โดยบอกว่า ประทับใจกับความสวยงามของที่นี่มาก และไม่ลืมที่จะเก็บภาพความทรงจำที่ครั้งหนึ่ง ได้มาสัมผัสกับบรรยากาศแบบนี้ ขณะที่ เส้นทางการขึ้นสู่จุดชมวิวนั้นในช่วงแรกที่กำลังเริ่มปรับปรุงก็จะต้องเดินทางด้วยรถโฟวิล ขับเคลื่อน 4 ล้อขึ้นไป สู่จุดตั้งเต้นท์ และ ยอดเขาโต๊ะนิซึ่งจะมีทางเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้
นายมาหะมะรอยี แวหะมะ นายกเทศมนตรี ต.โกตาบารู บอกว่า ทางเทศบาล โกตาบารู มีนโยบายในการสนับสนุนการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวพหุวัฒนธรรม เนื่องจากโกตาเป็นเมืองเก่า มีสตอรี่มากมาย มีธรรมชาติ ภูเขา ที่สามารถพัฒนาสู่การท่องเที่ยวเชิงพหุวัฒนธรรม เป็นเมืองรองท่องเที่ยวธรรมชาติ ซึ่งอนาคตอาจจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ จ.ยะลา และจะทำให้ อปท.โกตาบารู เข้มแข็งพึ่งตนเอง ได้เมื่อมีท่องเที่ยวเกิดขึ้นเศรษฐกิจชาวบ้านก็จะดี
สำหรับเขาโต๊ะนิจุดเด่นก็จะมีทะเลหมอกเยอะในช่วงเช้า 6-7 โมง ยามค่ำคืนจะเห็นดาวบนดิน เมืองยะลาทั้งเมือง พูดได้ว่าเป็นการหยิบหมอกหยอกตะวันได้เลย
ทางด้าน นายมาหามะรอซาลี บือแน ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ การปกครองท้องถิ่น ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกร่วมกับเพื่อน ได้เล่าให้ฟังว่า เริ่มแรกเมื่อก่อนตนเอง มาซื้อบ้านพัก ปลูกบ้านอยู่ ตอนนั้นยางยังราคา 80 บาท ชาวบ้านก็ไม่ได้ขายที่ให้ พอช่วงหลังยางราคาต่ำก็เลยมาขายที่แปลงนี้ให้ 200 ไร่ ที่ได้นำมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ช่วงแรกก็เป็นเฉพาะกลุ่มของตนเอง และเพื่อนๆ ที่มาเที่ยว คนนอกก็เข้ามาชมวิว บอกว่าวิวสวยดี เอาอาหาร นำขยะมา เราก็ต้องจ้างเด็ก มาเก็บ ก็เลยได้แนวคิดที่จะทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ก็ต้องเก็บเงิน เพื่อใช้จ่ายเป็นค่าไฟ ค่าน้ำ และค่าอื่นๆ ที่นี่จะมีหมอกให้ดูทั้งปี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ สภาพอากาศ ธรรมชาติ บางวันน้อย บางวันมาก ดูได้ 360 องศา ตอนแรกจะมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเล็ก ๆ อยากสร้างรายได้ให้ท้องถิ่น ขายสินค้าออนไลน์ ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยวภูเขา ธรรมชาติ
ซึ่งบางคนบอกว่า จะทำแหล่งท่องเที่ยวต้องใช้เงิน 200-300 ล้านบาท เนื้อที่รวมก็มากประมาณ 1,000 ไร่ เราก็ไม่มี ก็เลยได้ทำเอ็มโอยูร่วมกับชาวบ้านเจ้าของที่ จะมาร่วมกันพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบบ้านๆ ไม่ต้องหรูหราอลังการอะไร ช่วงหลัง ก็ได้หน่วยงานภาครัฐ มาร่วมสนับสนุน และได้ทำ เอ็มโอยู ร่วมกัน หน่วยงานภาครัฐ เทศบาลอำนวยความสะดวก ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ธรรมชาติ ดูแลเรื่องโควิด ด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายถ้าเปิดแล้วที่พักก็จะมีหลายระดับ หลายราคา ตั้งแต่เต้นท์ ราคา 150 บาท ไปจนถึงผู้ใหญ่ นักธุรกิจ ที่พัก ที่จะมีหลายราคาตั้งแต่ 5,000 บาท ไปจนถึง 10,000 บาท สำหรับผู้ที่สนใจ ก็สามารถติดต่อได้ที่ทางเฟสบุ๊ค ธารทองดิสคัฟเวอรี่ 081-5417400
——————–