สนธิสัญญาแองโกล-สยาม เป็นข้อตกลงปักปันเขตแดนระหว่างอังกฤษกับสยาม (ในยุคล่าอาณานิคม) โดยเป็นการลงนามกันระหว่าง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสยาม (ในขณะนั้น) กับผู้สำเร็จราชการในมลายูของอังกฤษ
สาระสำคัญของสนธิสัญญา เป็นการแบ่งดินแดนมลายูออกเป็น 2 ส่วน แต่กลับเป็นการตกลงกันเพียง 2 ฝ่าย ไม่มีเจ้าผู้ครองนคร หรือรัฐต่างๆ ในดินแดนมลายูร่วมอยู่ด้วยเลย
เนื้อหาหลักๆ มีอยู่ 6 ข้อ คือ
1.เมืองมลายู เคดะห์ กลันตัน เปอร์ลิส ตรังกานู เกาะลังกาวี และบางส่วนของรามัน-ระแงะ ให้สยามมอบคืนแก่รัฐบาลอังกฤษ
2.บันทึกที่เคยลงนามกันระหว่างอังกฤษ-สยาม เมื่อ 6 เมษายน 1897 ให้ถือเป็นข้อตกลงลับต่อไป
3.สยามจะไม่มอบดินแดนใดๆ ให้แก่มหาอำนาจใดตามที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญาตามข้อ 2
4.สยามสัญญาว่าจะให้ความยุติธรรมแก่พลเมืองชาวอังกฤษในสยาม ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยแก่ตุลาการและที่ปรึกษาด้านกฎหมายที่เป็นชาวยุโรป หากจำเป็นจะต้องมีที่ดินไว้และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับชาวอังกฤษที่อยู่ในสยาม
5.รัฐมลายูของอังกฤษ จะรับผิดชอบในปัญหาหนี้สินที่หากจะมีอยู่ของเมืองมลายูที่สยามมอบให้อังกฤษ รวมทั้งเงินกู้ต่างๆ และงานก่อสร้างทางรถไฟสายใต้ของสยาม
6.อังกฤษสัญญาว่าจะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับปัญหาทางการเมืองในดินแดนที่มอบให้กับสยาม เช่น สตูลและปาตานี
สนธิสัญญานี้่ลงนามกันเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2452 หรือ ค.ศ.1909 สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสนธิสัญญาแองโกล-สยาม ในวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี พบว่ามีการเรียกสนธิสัญญานี้อีกชื่อหนึ่งว่า สนธิสัญญาอังกฤษ–สยาม พ.ศ. 2452 (Anglo-Siamese Treaty of 1909) หรือ “สนธิสัญญาบางกอก” ลงนามกันที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ.2452 และรัฐสภาแห่งสหราชอาณาจักรได้ให้สัตยาบันเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมปีเดียวกัน สนธิสัญญาฉบับนี้มีทั้งสิ้น 8 ข้อ มีสาระสำคัญคือ
– สยามยกสิทธิการปกครองและบังคับบัญชาเหนือไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส รวมทั้งเกาะใกล้เคียงให้แก่อังกฤษ
– หนี้สินต่างๆ ที่รัฐมลายูเหล่านั้นมีต่อรัฐบาลสยาม อังกฤษจะชดใช้ให้
– สิทธิสภาพนอกอาณาเขตของอังกฤษในแผ่นดินสยามเป็นอันยกเลิกไป
– อังกฤษรับรองซึ่งอธิปไตยของสยามเหนือปาตานี
– อังกฤษให้เงินกู้ให้แก่สยามจำนวน 4.63 ล้านปอนด์เพื่อสร้างทางรถไฟสายใต้
– สยามควรปรึกษาอังกฤษ หากต้องการให้หรือจัดการสิทธิในเหมืองถ่านหิน ท่าเรือ และอู่เรือในมณฑลราชบุรีแก่ชาติอื่นๆ
สนธิสัญญานี้ทำให้สยามต้องสูญเสียดินแดนกว่า 38,000 ตารางกิโลเมตร โดยขณะนั้นอยู่ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช หรือ ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5
ผลของสนธิสัญญา นอกจากทำให้ดินแดนมลายูถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนแล้ว ยังถูกมองว่าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ “ปาตานี” ตกอยู่ใต้อธิปไตยของสยามอย่างสมบูรณ์ จากเดิมที่เคยเป็นราชอาณาจักร หรือรัฐอิสระ ต่อด้วยการอยู่ในฐานะ “ประเทศราช” ของสยาม จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสยาม และสุดท้ายสถานะเป็นเพียงจังหวัดของประเทศไทย
โดยก่อนมีสนธิสัญญาแองโกล-สยาม มีความพยายามแยกสลายปัตตานีออกเป็น 7 หัวเมือง คือ ปัตตานี หนองจิก ยะหริ่ง รามัน ยะลา สายบุรี และระแงะ แต่ละหัวเมืองมีเจ้าปกครองกันเอง จากนั้นก็มีการจัดระเบียบการปกครอง 7 หัวเมืองเสียใหม่ กระทั่งบังคับให้ยอมรับกฎหมายลักษณะการปกครองท้องที่ ทำให้ “รัฐปัตตานี” หรือ “ปาตานี” กลายเป็นส่วนหนึ่งของไทยโดยสมบูรณ์จนถึงปัจจุบันนี้.
—————————–