หลังจากมีการตกลงลดความรุนแรงของทั้งฝ่ายในห้วงเดือนรอมฎอนบรรยากาศความสงบเริ่มกลับมา ไม่มีเหตุรุนแรง ไม่มีความสูญเสีย ถึงแม้จะมีบางกลุ่มพยายามก่อเหตุสร้างสถานการณ์ก็ตาม แต่ในภาพรวมถือว่าเหตุการณ์ในพื้นที่นั้นเหตุรุนแรงลดลง ขณะที่สถานการณ์โควิด 19 ดีขึ้น เศรษฐกิจในพื้นเริ่มจะฟื้นตัวกลับมา ขณะที่ 3 จชต. เริ่มมีการจัดงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ ถึงแม้การลดเหตุความรุนแรงจะจบลงในวันที่ 14 พ.ค. 65 ที่ผ่านมา แต่ผลจากการพูดคุยลดความรุนแรงเป็นผลความสงบสุขเกิดขึ้น เสียงตอบรับจากประชาชนหนุนต้องการให้ขยายการลดความรุนแรงออกไป ซึ่งคณะพูดคุยเตรียมนำเสนอในการพูดคุยในครั้งต่อไป
แต่ความสงบสุขก็อยู่กับคนในพื้นที่ได้ไม่นาน เมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ก่อเหตุยัดเยียดความความสูญเสียให้กับพี่น้องประชาชน โดยเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 65 กลุ่มคนร้ายได้ขว้างระเบิด และยิงถล่มใส่ฐานตำรวจน้ำ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส บริเวณท่าเทียบเรือรัชดา เบื้องต้นมี จนท.บาดเจ็บจำนวน 3 นาย รถยนต์ชาวบ้านได้รับความเสียหายหลายคัน ถือว่าเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมไร้ซึ่งมนุษยธรรม ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่เพราะสถานที่เกิดเหตุดังที่กล่าว อยู่ใกล้ตลาดการค้าชายแดน มีผู้คนพลุกพร่านเดินจับจ่าย แต่กลุ่มคนร้ายก็ยังเลือกที่จะกระทำด้วยการขว้างระเบิด ยิงใส่เจ้าหน้าที่ ไม่คำนึงความปลอดภัยของชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ หนำซ้ำยังมีการลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า ทำให้เสาไฟฟ้าหลายสิบต้นได้รับความเสียหายล้มขวางถนน เส้นทางฮูมอลานัส-กามา อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนไม่มีไฟฟ้าใช้ ประชาชนไม่สามารถเดินทางได้
ขณะภาครัฐต้องเสียงบประมาณในการซ่อมแซม แทนที่งบส่วนนี้จะนำไปพัฒนาด้านอื่น ขอประณามการกระทำของกลุ่มคนร้ายเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ไม่คำถึงชีวิตประชาชน เป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิของประชาชน เป็นการกระทำซ้ำเติมในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาความรุนแรงความสูญเสียมันยังไม่เพียงพออีกหรือ?
ลุกขึ้นมาต่อสู้ 18 ปีกับความสูญเสีย กับการกระทำที่ไร้ซึ่งจิตสำนึกกับความเป็นมนุษย์
ไร้ซึ่งอุดมการณ์ ไร้ซึ่งมนุษยธรรม ที่ได้กระทำต่อพี่น้องมลายูในพื้นที่ เป็นการกระทำเพียงเพื่อหวังประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มตัวเองเป็นหลักเท่านั้น แต่ไม่เคยนึกถึงชะตากรรมความสูญเสียของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เลย
————————