จากกรณีคลิปที่มีเผยแพร่ในโลกออนไลน์เกี่ยวกับชายคลุ้มคลั่งโดยอ้างว่าหวาดกลัวเจ้าหน้าที่ทหาร เนื่องจากถูกควบคุมตัวให้ยอมรับสารภาพในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ หลายคนเห็นคลิปแล้วก็คล้อยตาม และกล่าวหาใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ว่ามีการบังคับให้ยอมรับสารภาพด้วยวิธีการซ้อม
เรามาดูความจริงกันว่าเป็นมาอย่างไร เหตุการณ์จากเมื่อ 26 เม.ย. 64 เกิดเหตุคนร้ายจำนวน 2 คน ได้ขวางระเบิดแสวงเครื่อง(ไปบอม) เใส่ฐานปฏิบัติการ นปพ.21 บ.ปราลี ม.10 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ฐานปฏิบัติการได้รับความเสียหายเล็กน้อย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหลักฐานจากกล้องวงจรปิด พบผู้ต้องสงสัยจำนวน 2 คน จึงได้เชิญตัวมาให้ข้อมูล คือนายตอเล๊ะ ยะ และนายตัรมีซี เจะเต๊ะ มาดำเนินกรรมวิธีซักถาม ณ ศูนย์ซักถามกรมทหารพรานที่ 46 ตั้งแต่ 28 พ.ค. – 3 มิ.ย. 64
จากการดำเนินกรรมวิธีซักถามบุคคลทั้งสองได้ให้การปฏิเสธในการก่อเหตุครั้งนี้ สำหรับนายตัรมีซีฯ ยอมรับว่าได้ซูมเปาะสาบานตนกับนายซุลกีฟลี มะสาแมง ผกร.ระดับ หน.kompi พื้นที่ ตะโละหะลอ – รามัน – สุวารี อ.รือเสาะ แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุ ส่วนนายตอเล๊ะ ยะ ให้การปฏิเสธในการซูมเปาะ
หน่วยจึงยุติการควบคุมตัวบุคคลทั้งสองพร้อมนำบุคคลทั้งสองไปตรวจร่างกายกับแพทย์ โรงพยาบาลรือเสาะ ผลการตรวจปกติ ไม่มีบาดแผลการทำร้ายร่างกาย
และไปลงบันทึกประจำวันที่ สภ.รือเสาะ พร้อมมอบตัวบุคคลทั้งสองให้กับญาติและชี้แจงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้กับญาติทราบ ญาติก็เข้าใจต่อการปฏิบัติหน้าที่และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สถานที่คุมตัวมีกล้องวงจรปิดประจำเกือบทุกจุด
ในปัจจุบันเจ้าหน้าที่และหน่วยงานความมั่งคงในพื้นที่ ได้ให้ความสำคัญและตระหนักถึงสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ มีการให้องค์กรระหว่างประเทศ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ องค์กรภาคประชาสังคม และ องค์กรพัฒนาเอกชนทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าเยี่ยมชมสถานที่ควบคุมตัวและขั้นตอนการซักถามได้ตลอดเวลา
การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เจ้าหน้าที่จะใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ มิให้มีการละเมิดสิทธิและการซ้อมทรมานอย่างเด็ดขาด กระบวนการมีความโปร่งใส และตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ภายใต้การรับรู้และมีส่วนร่วมของผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่นผู้นำศาสนาและบุคคลในครอบครัว ขั้นตอนของการจับกุมใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ขั้นตอนการคุมตัวซักถามและปล่อยตัว มีการตรวจร่างกายและรับรองโดยแพทย์ และญาติ เปิดโอกาสให้บุคคลในครอบครัวเข้าเยี่ยมได้ทุกวันตามห้วงเวลาที่กำหนด พร้อมมีสิ่งอำนวยความสะดวก และ การประกอบศาสนกิจตามหลักศาสนา
การบิดเบือนความจริงของกลุ่มผู้ไม่หวังดีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การสร้างกระแสเพื่อหวังผลความรู้สึกร่วมของพี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่งกับการที่เราไม่รู้เท่าทัน ซึ่งจะตกเป็นเครื่องมือช่วยกระพือข่าวลือจากปากสู่ปากเหมือนไฟลามทุ่ง จนนำไปสู่การเข้าใจผิดจนยากที่จะแก้ไข ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนบริโภคข้อมูลข่าวสารด้วยความระมัดระวัง คิดก่อนเชื่อ เช็คก่อนแชร์ ตั้งสติก่อนโซเชียล และหากมีข้อสงสัยให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อนจากหน่วยทหารหรือหน่วยงานรัฐในพื้นที่ มิเช่นนั้นจะเป็นดั่งเช่นเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา..
———————-